สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์รัฐสภาโวย ถูกทุจริตเงิน 14 ล้าน ด้าน กก.สหกรณ์ฯ ตรวจสอบ พบโกงจริง ออกประกาศเลิกจ้าง-แจ้งความเอาผิด ‘เจ้าหน้าที่การเงิน’ แล้ว ขณะที่สมาชิกยังข้องใจ ไม่เชื่อทำคนเดียว หวั่นตัดตอน ขอ “หน่วยงานภายนอก” ร่วมสอบให้กระจ่าง
เมื่อวันที่ 18 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากสภาผู้แทนราษฎร ว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา สหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา จำกัด ออกประกาศ สหกรณ์ฯ ลงชื่อโดย น.ส.สิตาวีร์ ธีรวิรุฬห์ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา จำกัด เรื่องการกำกับดูแลหมายรวมไปถึงตรวจสอบการดำเนินการของสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา จำกัด ต่อกรณีที่พบการทุจริตในสหกรณ์ อาจทำให้สมาชิกสงสัยและก็ไม่สบายใจ จึงขอชี้แจงสมาชิกดังนี้ สหกรณ์ได้พบข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าเจ้าหน้าที่สหกรณ์ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงินมีพฤติกรรมทุจริตในหน้าที่ ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการ ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อสอบสวนหาหลักฐานการกระทำผิด ประกอบกับมีข้อเท็จจริงพบว่าเจ้าหน้าที่การเงินทำทุจริตจริง คณะกรรมการ จึงมีมติให้เลิกจ้าง โดยไม่จ่ายค่าชดเชย บวกกับแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางโพ เพื่อดำเนินคดี ซึ่งคดีอยู่ระหว่างขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อสถานะการเงินของสหกรณ์ฯ รวมถึงไม่กระทบเงินในบัญชีเงินฝากแล้วก็ทุนเรือนหุ้นของสมาชิกแต่อย่างใด บวกกับขอให้สมาชิกเชื่อมั่นในคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ออมทรัพย์ ว่าจะรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกรวมถึงสหกรณ์อย่างเต็มกำลังความสามารถ
ในกรณีดังกล่าวพบว่ามีการวิจารณ์ถึงเหตุการทุจริตที่เกิดขึ้นในโอเพ่นแชตสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์รัฐสภา โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า การทุจริตเป็นเงินจำนวนมากถึง 14 ล้านบาท เป็นไปได้ยากที่จะมีคนเพียงคนเดียวทำโดยลำพัง เพราะระบบของสหกรณ์ทั่วไป โดยเฉพาะสหกรณ์ใหญ่ระดับรัฐสภา มักมีโครงสร้างตรวจสอบร่วมด้วยถ่วงดุลกันอยู่พอสมควร เช่น 1.การทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงิน ต้องมีลายเซ็นร่วม โดยทั่วไปต้องมีอย่างน้อย 2 คน เช่น เจ้าหน้าที่กับผู้จัดการ หรือ เจ้าหน้าที่กับคณะกรรมการ จึงจะเบิกเงินหรืออนุมัติรายการได้
2.ต้องผ่านการตรวจสอบบัญชีร่วมกับการอนุมัติหลายขั้น เช่น ต้องมีการทำเอกสารเบิกจ่าย หรือ มีคนตรวจสอบยอดเงิน หรือ มีคนลงนามอนุมัติ 3.หากว่ามีเพียงคนเดียวที่เข้าถึงเงินได้ แสดงว่าระบบควบคุมภายในอ่อนแอมาก ร่วมด้วยในกรณีนี้มักจะมีผู้มีตำแหน่งสูงกว่า เพิกเฉย ปล่อยปละ หรืออาจรู้เห็นเป็นใจ ประกอบกับ4.ระยะเวลาที่ใช้ในการทุจริตมักไม่ใช่ช่วงสั้นๆ ถ้าหากว่าเป็นการทุจริตสะสม เช่น เดือนละ 1แสนบาท หรือ 2 แสนบาท ไปเรื่อย ๆ นานเป็นปี แปลว่า “มีคนรู้แต่ไม่พูด หรือแกล้งไม่เห็น” ก็เป็นไปได้มาก
นอกจากนั้นยังมีสมาชิกสหกรณ์ ระบุด้วยว่า “น้องที่ทำไป ต้องยอมรับและก็สารภาพมาให้หมด ว่าทำคนเดียวหรือทำร่วมกับใคร สหกรณ์ของเราจะได้ใส สะอาด หาทางอุดช่องโหว่ที่มี กรณีนี้ประธานกรรมการสหกรณ์ปัจจุบัน เคยดำรงตำแหน่งกรรมการชุดเก่า การตรวจสอบความโปร่งใสต้องชัดเจน ร่วมด้วยสร้างความเชื่อมั่นด้วย”
ยังมีข้อความที่แสดงความเห็นด้วยว่า “แม้นว่าตรวจสอบว่า มีผู้มีอำนาจลงนาม คณะกรรมการเก่า หรือผู้ตรวจสอบ บกพร่อง ในการรับรองบัญชี ที่เงินหายมาหลายปี จะเกิดข้อครหาด้วยหรือไม่ เพราะในปี 2567 ตรวจสอบ รับรอง ไม่พบความผิดปกติ ผู้รับรองตรวจสอบประเมิน ดีมาก ดีเยี่ยม ขณะที่ปี 2568 พบทุจริตเงินเบื้องต้น 14 ล้านบาท หายโดยเจ้าหน้าที่คนเดียว ทำมาหลายปี ถือว่าย้อนแย้ง เพราะว่าถูกรับรองกันมาโดยไม่ตรวจสอบเงินว่าตรงกันหรือไม่ แบบนี้การรับรองบัญชีปี 2568 จะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าข้อมูลจริง”
ทั้งนี้แหล่งข่าวจากสหกรณ์ออมทรัพย์รัฐสภา ระบุว่า การตรวจสอบที่เบื้องต้นพบการทุจริตแล้วก็คณะกรรมการมีมติให้เลิกจ้างบุคคลเพียงรายเดียวนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นในการตรวจสอบได้ เพราะอาจจะเป็นการตัดตอนให้เจ้าหน้าที่รับผิดเพียงคนเดียว และให้ผู้ใหญ่ที่คาดว่าอาจทำผิดร่วมลอยตัวโดยไม่ต้องรับผิด ดังนั้นจึงอยากให้มีการตรวจสอบอีกครั้งจากหน่วยงานภายนอกที่ไม่ใช่คณะกรรมการของสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่แท้จริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับในเว็บของสหกรณ์ออมทรัพย์รัฐสภา ได้เผยแพร่รายงานประจำปีของสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา จำกัด ปี 2567 โดยระบุว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ ได้ดำเนินการมาสู่ปีที่ 49 ปัจจุบันสินทรัพย์ของสหกรณ์เติบโตต่อเนื่อง มีสินทรัพย์ 2,513.50 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 205.96 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 102.76 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 7.8 ล้านบาท สหกรณ์มีความมุ่งมั่นให้สมาชิกมีความมั่นคงทางการเงิน สนับสนุนการออม ให้ผลตอบแทนการลงทุนกับสมาชิกอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ในคณะกรรมการชุดที่ 49 นั้นมีนายสัณห์ชัย สินธุวงษ์ เป็นประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา จำกัด รวมถึงยังเป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ประกอบไปด้วยมีกรรมการรวม 15 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ มี 9 คน มี น.ส.วรัลชญาน์ เจริญทัศนาวิชญ์ เป็นผู้จัดการ รวมถึงพบชื่อ น.ส.กัญญารัตน์ ตะพัง เป็นเจ้าหน้าที่การเงิน น.ส.ดวงกมล แดงกัน เป็นเจ้าหน้าที่บัญชี น.ส.วรณฤดี แก่นสุข เป็นเจ้าหน้าที่จัดทำบัญชีสหกรณ์
ส่วนคณะกรรมการชุดปัจจุบัน เป็นชุดที่ 50 มี น.ส.สิตาวีร์ เป็นประธานกรรมการ และก็มีนายสัณห์ชัย เป็นที่ปรึกษา ขณะที่เจ้าหน้าที่สหกรณ์นั้น พบว่าเป็นชุดเดิม
เนื้อหาเรียบเรียงใหม่จากต้นฉบับข่าวทาง มติชนออนไลน์ อย่าพลาดเรื่องราวใหม่ ๆ จากทางเรา ที่เดียว iKSSN Vector ยันต์ จำหน่าย รูปภาพยันต์ งาน Vector งานออกแบบสำหรับกราฟิก