จากข้อมูลเปิดเผยว่าการปลูกกล้วยหอมทอง ของเกษตรกรดีเด่น ที่สามารถทำเงินได้จริง ด้วยการใช้ปุ๋ยคอก การห่อถุงผ้าเพื่อเลี่ยงลม ทำให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี ขายได้ราคา เรียกว่า รอบเดียวคืนทุนกันเลย
แม้จะถูกแยกตัวออกมาจาก จว.อุดรธานี เมื่อนานมาแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นพื้นที่ ที่ไม่มีระบบชลประทานที่ดีพอ เกษตรกรในยังคงต้องพยายามพัฒนาระบบน้ำ เพื่อให้สามารถทำการเกษตรได้ ณ ที่แห่งนี้ คือ จ.หนองบัวลำภู แม้ชื่อ จว.จะเห็นว่า เป็นหนองคลองบึง แต่ต้นเหตุสำคัญอย่าง แหล่งน้ำ ที่ขาดแคลนร่วมด้วยหายาก
จากปากคำสัมภาษณ์ของ คุณทองแดง อัมไพชา เกษตรกร อำเภอโนนสัง ผู้เป็นเกษตรกรต้นแบบ สาขาพืชสวน (ปลูกกล้วยหอมทอง) ของ จว.หนองบัวลำภู ก็ยังคงเด่นชัดในเรื่องของ น้ำสำหรับใช้ในการเกษตร ที่ขาดแคลนประกอบไปด้วยต้องพึ่งพาอาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติ เพียงอย่างเดียว แม้จะไขปัญหาด้วยการ เจาะบ่อบาดาล แต่นั่นก็ดูเหมือนว่า ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
กว่าจะเป็น สวนกล้วยหอมทอง แต่คุณทองแดง เคยปลูก มันสำปะหลัง จำนวน 10 ไร่ มาก่อนหน้านั้น แต่เดิมก็ได้ผลผลิตเพียงไร่ละ 4 ตัน คิดเป็นรายได้ต่อปี ก็ประมาณ 40,000 บาท หักต้นทุนแล้ว ดูท่าว่า รายได้ที่ได้รับมานั้น ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายซักเท่าไหร่
กำเนิดสวนกล้วยหอมทอง แห่งหนองบัวลำภู
ซึ่งก็ได้ คุณจีระพงษ์ อัมไพชา ผู้เป็นบุตรชาย คิดให้คุณทองแดงผู้เป็นพ่อ เปลี่ยนรูปแบบการทำเกษตร จากการปลูกมัน ที่ราคาก็ขึ้นลงตามตลาด ไม่สามารถควบคุมได้ รวมไปถึง การทำนา ที่ได้มาแค่พอกิน ต้องมาลุ้นกับสภาพฟ้าฝนที่ไม่ค่อยเป็นใจในปัจจุบัน ปีไหนได้มากก็พอเหลือขาย ปีไหนได้น้อย ก็พอให้เก็บไว้กิน ทั้งสองพ่อลูกจึงตัดสินใจ ไปศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับ การปลูกกล้วยหอมทอง ที่ อ.สร้างคอม จว.อุดรธานี ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกล้วยหอมทองมากที่สุด ในภาคอีสาน
หลังจากได้ความรู้มา รวมไปถึงประกอบกับเห็นว่า การปลูกกล้วยหอมทอง น่าจะเป็นหนทาง สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับครอบครัว จึงตัดสินใจ ปรับเปลี่ยน แปลงที่ดิน 10 ไร่ ให้เป็น สวนกล้วยหอมทอง ลงทุนซื้อหน่อพันธุ์กล้วยหอมทอง มาจาก อ.สร้างคอม จำนวน 150 หน่อ เพื่อนำมาทดลองปลูกก่อน เมื่อปี 2559 หมายรวมไปถึงปัจจุบันนี้ กล้วยหอมทอง ก็เต็มพื้นที่ 10 ไร่ มีไม่พอจะขาย
เทคนิคปลูกกล้วยหอมทอง รอบเดียวคืนทุน
ปลูกกล้วยหอม ใช้ระยะปลูก 2×2 เมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ สามารถจะปลูกได้ประมาณ 350-400 หน่อ หน่อที่นำมาปลูก ต้องเป็นหน่อจากต้นที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป เพราะจะเป็นหน่อที่สมบูรณ์สุด ราคาหน่อกล้วยที่ขายในท้องตลาด 8-10 บาท ต่อหน่อ
การให้น้ำ มีทั้งปล่อยไปตามร่อง ร่วมกับใช้น้ำหยด หากลงทุนระบบน้ำหยด จะใช้จ่ายประมาณไร่ละ 3,000 บาท แต่ก็สามารถควบคุมการให้น้ำ ประกอบไปด้วยความชื้นได้
การให้ปุ๋ย จะให้ครั้งแรกช่วงรองพื้นก่อนปลูก โดยให้เป็นปุ๋ยคอก คลุกเคล้ากับดินบริเวณปลูก เมื่อกล้วยอายุ 1 เดือน จึงเริ่มให้ปุ๋ย 15-15-15 ในอัตรา 100-150 กรัม ต่อต้น เมื่อต้นอายุ 3-4 เดือน ให้สูตร 15-15-15 ในอัตรา 200-300 กรัม ต่อต้น ประกอบไปด้วยเมื่อกล้วยหอม อายุ 5 เดือน ก็ให้ปุ๋ยสูตร 20-15-20 ในอัตรา 200-300 กรัม ต่อต้น
เมื่อกล้วยอายุ 4 เดือน จะเริ่มแต่งหน่อที่แตกออกมารอบต้นออก หลังจากนั้นคอยแต่งหน่อทุก 10-15 วัน ต่อครั้ง ส่วนใบกล้วย ถ้าเกิดว่าจะให้ดีควรจะเก็บใบไว้ให้มากที่สุด ตัดแต่งเฉพาะใบที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุออก โดยจะไว้ใบต่อต้นประมาณ 10 ใบ
เมื่อกล้วยเริ่มให้ปลี น้ำจำเป็นต้องให้วันเว้นวัน ปริมาณ 7-8 ลิตร ต่อต้น เมื่อปลีออกมาสุด ให้เตรียมไม้ค้ำ ทำจากไม้ไผ่ เมื่อตัดปลีออก ให้ใช้ไม้ค้ำไว้ จากนั้นใช้ผ้าห่อเครือกล้วย
การห่อเครือกล้วย วิธีเดิม ด้วยการนำถุงพลาสติก หรือ ถุงปุ๋ยบ้าง มาใช้ แต่การสังเกตของคุณทองแดง พบว่า การนำผ้ามาเย็บต่อกัน ให้อยู่ในรูปของถุง แล้วนำมาใช้คลุมเครือกล้วย จะช่วยให้ผิวกล้วยเมื่อสุก จะมีสีเหลืองสวย มีข้อแนะนำว่า ห้ามใช้ผ้าสีดำ เพราะจะทำให้ผิวกล้วยซีด ออกขาว ถึงจะนำไปบ่มต่อ ก็ไม่เหลืองสวยตามต้องการ รวมถึงเมื่อตัดปลีห่อเครือแล้ว นับไปอีกประมาณ 56-60 วัน ก็สามารถตัดเครือกล้วยลง พร้อมจำหน่ายได้เลย
การจำหน่าย จะชั่งเป็นกิโลกรัม ราคารับซื้อ กล้วยหอมทอง อยู่ที่กิโลกรัมละ 18 บาท เป็นราคาประกันซื้อของบริษัทจาก อ.สร้างคอม ซึ่งบริษัทก็จะผลิตส่งจำหน่ายให้กับร้านสะดวกซื้อเจ้าดังอีกต่อหนึ่ง ทั้งนี้การผลิตกล้วยหอมทองส่งจำหน่ายนี้ ก็ยังถือว่า ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
งบประมาณการลงทุน ปลูกกล้วยหอมทอง รอบเดียวคืนทุน
คุณทองแดง ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ใช้เงินลงทุนประมาณ 22,000 บาท ต่อไร่ ต้นทุน ปลูกกล้วยหอมทอง พื้นที่ 1 ไร่ (จำนวน 400 หน่อ) แยกเป็น
- ค่าเตรียมดิน 1,700 บาท
- ค่าหน่อพันธุ์ 6,000 บาท
- ค่าแรงปลูก 1,200 บาท
- ค่าน้ำมันตัดหญ้า (8 ครั้ง) 1,200 บาท
- ค่าแรงตัดหญ้า (8 ครั้ง) 400 บาท
- ค่าไฟฟ้า (รดน้ำ) 1,000 บาท
- ค่าปุ๋ยคอก 3,200 บาท (หลักเน้นปุ๋ยคอกรองก้นหลุม หลุมละ 20 กิโลกรัม เพราะต้นกล้วยกินได้นาน)
- ค่าปุ๋ยเคมี 4,000 บาท (ปุ๋ยเคมี ใส่จำนวนปริมาณน้อย เพราะผลผลิตต้องได้ขนาดตามมาตรฐานกำหนด)
- ค่าเศษผ้าห่อเครือ 3,200 บาท
- ท่อ PE 20 mm. 2,400 บาท
- หัวน้ำหยด 400 บาท
ปีที่ 1 รวมต้นทุน 22,300 บาท ต้นทุนต่อต้นอยู่ที่ 55.75 บาท กล้วยให้ผลผลิตในปีแรก คุณทองแดงบวกกับลูกชาย ขายผลผลิตได้เป็นเงิน 500,000 บาท
ปีที่ 2 รวมต้นทุน 10,300 บาท ต้นทุนต่อต้น 25.75 บาท ปีที่ 2 นี้ มีรายได้เฉลี่ย 56,000 บาท/ไร่ หรือ 140 บาท ต่อต้น
ผลผลิตที่ออกมานั้น บริษัทก็มารับซื้อถึงสวน สัปดาห์ละ 2-3 ตัน แถมยังมีรายได้เสริม จากการขายหน่อกล้วยหอมทองอีกด้วย โดย หน่อกล้วย 1 ต้น เมื่อปลูกแล้ว จะให้หน่อพันธุ์เฉลี่ยต้นละ 7 หน่อ ราคาจำหน่าย หน่อละ 15 บาท เท่ากับว่า กล้วยหอมทอง 1 ต้น สามารถจำหน่ายหน่อพันธุ์ได้ 105 บาท ในพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกกล้วย จำนวน 400 ต้น จะได้หน่อพันธุ์ 2,800 หน่อ คิดเป็นรายได้จากการจำหน่ายหน่อพันธุ์ 42,000 บาท
ปัญหาโรคและก็แมลงในกล้วยหอมทองนั้น คุณทองแดงให้บอกกล่าวว่า โรคที่พบบ่อย เป็นโรคใบด่าง มีผลต่อใบ แต่ไม่มีผลต่อผลผลิตเท่าที่ควร หากพบอาจทำให้กล้วยมีขนาดผลเล็กลงแค่นั้น การแก้ปัญหาเช่นนั้นแล้วคือ หากพบว่าเป็นโรค ก็ตัดใบทิ้ง ส่วนโรคอื่นยังไม่พบในแปลงปลูก น่าจะเป็นเพราะ การปรับปรุงดินโดยการ หว่านปุ๋ยคอกบวกกับหว่านปอเทือง ก่อนไถกลบเพื่อเตรียมแปลงลงปลูกในรอบแรก
สอบถามหรือต้องการชมแปลงกล้วยหอมทองเพิ่มเติม ได้ที่ คุณทองแดง อัมไพชา หมู่ที่ 11 ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอโนนสัง จว.หนองบัวลำภู โทรศัพท์ 093-523-1624
อ้างอิงข้อมูลจาก : www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_173243
เรียบเรียงใหม่โดย : เทคนิคปลูกกล้วยหอมให้รวย ทำได้จริง อย่าพลาดเรื่องราวต่าง ๆ จากที่นี่ที่เดียว ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ