หากเอ่ยถึงการบำรุงรักษาต้นไม้แล้วก็พืชผล สิ่งที่เกี่ยวพันแล้วก็ขาดไม่ได้นั่นก็เช่นนั้นแล้ว จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เพราะปัจจุบันมีการใช้กันมาก แล้วก็ให้ผลลัพธ์แล้วว่ามีประโยชน์ในด้านการเกษตรเป็นอย่างมาก แต่จะมีประโยชน์อย่างไรวันนี้มาดูกัน
สำหรับที่นำมาใช้ในการเกษตรแล้วก็สิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่ม จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีม่วง นั่นถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่ไม่สะสมกำมะถัน โดยแบคทีเรียชนิดนี้เมื่ออยู่ในสภาวะที่มีแสง จะเกิดกระบวนการใช้แสง แม้กระนั้นสิ่งแวดล้อมนั้นๆ ไม่มีแสงก็เปลี่ยนระบบมาเป็นกระบวนการที่ไม่ต้องใช้แสง ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
ฉะนั้นจึงนำประโยชน์จากกระบวนการดำรงชีวิตนี้มาใช้ในการปรับปรุงสภาพดิน ให้เหมาะสมกับการดูดซึมสารอาหารของพืช รวมไปถึงช่วยเพิ่มผลผลิตให้แก่พืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้อย่างนี้แล้ว จะไม่ลองทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เองบ้างหรือ
แนะนำการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ใช้ยังไงให้ได้ผล
ดูเรื่องที่เกี่ยวพันกับ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
เราจะทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เอง ให้เห็นผลภายในกี่วันถึงจะแดง อ่านเรื่องนี้มีคำตอบ
ก่อนจะทำให้แดง ลองมาดูส่วนผสมกันก่อน อันดับแรกเริ่มให้เตรียมของมาดังนี้
- น้ำสะอาด 10 ลิตร
- ไข่สด (ไข่เป็ด ไข่ไก่ 1 ฟอง)
- สารเร่ง (มีหรือไม่ก็ได้) เช่น ผงชูรส เครื่องดื่มชูกำลัง นมเปรี้ยว น้ำปลา น้ำตาล ฯลฯ นั่นถือได้ว่าเป็นตัวช่วยเร่งความเร็วในการหมัก
ขั้นตอนการทำไม่ยาก นำไข่สดตีให้เข้ากัน ใส่ส่วนผสมอื่นตามลงไป เช่น น้ำปลา, นมเปรี้ยว, ผงชูรส, กะปิ, นม หรือน้ำตาล อย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นถือได้ว่าส่วนผสมที่เป็นตัวเร่ง ใช้แค่ 1 ช้อนชา (ใส่มากก็เปลือง เพราะไม่ได้ช่วยเร่งปฏิกิริยาอะไรมากมาย โดยหลักการก็ขึ้นอยู่กับแสงแดด) แล้วคนให้เข้ากันดี
เสร็จแล้วนำไข่ที่ตีแล้วเทลงไปผสมกับน้ำสะอาดในขวด อัตราส่วน ไข่ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 ลิตรโดยประมาณ ใส่มากกว่านี้ก็เปลือง เพราะไม่ได้ช่วยเร่งปฏิกิริยาอะไรมากมาย โดยหลักการก็ขึ้นอยู่กับแสงแดด เมื่อเทส่วนผสมได้ที่แล้วก็เขย่าๆ ให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง จะได้น้ำสีขาวขุ่นๆ แล้วนำไปตากแดดในที่แดดส่องถึงทั้งวัน รอเวลาให้เกิดสีแดง
ไข่ 1 ฟองสามารถผสมกับน้ำได้มากสุด 10 ลิตร นั่นถือได้ว่าพิสูจน์แล้วว่าประหยัดสุดๆ แล้วก็ได้ผลแน่นอน
ทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เอง ทำไมออกสีเขียว ทำไมไม่เป็นสีแดง หรือ ทำไมเป็นแต่สีแดง ไม่เคยเจอสีเขียว สีเขียวเป็นตะไคร่หรือเปล่า แล้วใช้รดผัก บำรุงดินได้ไหม หลากหลายคำถาม มีคำตอบตรงนี้...
สาเหตุที่จุลินทรีย์สังเคราะ์แสงเป็นสีเขียว หรือสีแดง เป็นเพราะ "น้ำ" หากใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ จะได้ทั้งสีเขียวแล้วก็สีแดง เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้มีอยู่ในธรรมชาติแล้วนั่นเอง เราเพียงแค่ ขยายแล้วก็เพิ่มจำนวนมันให้มีมากขึ้นเท่านั้นเอง
หมักหัวเชื้อทำเอง ก็สะดวกในการบำรุงพืชผักแล้วก็ดิน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการซื้อปุ๋ย แล้วก็ฮอร์โมนต่างๆ ให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แถมยังใช้ได้ต่อเนื่องไม่มีผลเสียใดๆ รู้อย่างนี้ ไม่ลองทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงดูไม่ได้แน่นอน
ดูหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวพันในเรื่อง โทษของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
แต่เดิมเรารู้กันว่า ยิ่งใช้ก็ยิ่งมีประโยชน์ มักจะไม่เจอโทษหรือผลเสียหาย แต่ปัจจุบันมันเกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากการใช้จุลินทรีย์ที่เกิดจากการหมักดองประเภทนี้ มันจะทำให้เราได้จุลินทรีย์จริง หรือ อาจได้เชื้อโรคที่เข้าใจว่าเป็นประโยชน์ มีคนสงสัยกันไหมในข้อนี้
ตามที่หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าในส่วนของการปนเปื้อนของหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง แล้วก็นำมานั่นถือได้ว่าเชื้อที่สามารถก่อโรคระบาดสู่เกษตรกรผู้ใช้ เนื่องจากผลของการใช้ของหมักมาเป็นอาหารให้หัวเชื้อแล้วก็เกิดการปนเปื้อน
โทษของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงจากการปนเปื้อน
ข้อสังเกตุเช่นนั้นแล้ว "แม้กระนั้นสีแดงที่พบนั้น เช่นนั้นแล้ว แบคทีเรียสังเคราะห์แสงจริง น้ำสีแดงหรือสีเขียวก็ไม่ควรจะมีสีเมื่อหมักตั้งไว้ในที่ร่ม เนื่องจากไม่เกิดการสังคราะห์แสงจริง (ไม่โดนแสง)"
ข้อพิสูจน์แล้วเช่นนั้นแล้ว "จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสามารถเจริญได้ทั้งในแบบใช้แสงแล้วก็ไม่ใช้แสง
นอกจากนี้ ไม่เคยพบรายงานใดที่ระบุว่าจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเป็นสาเหตุในการเกิดโรคต่อเกษตรกร นักวิจัยของญี่ปุ่นเป็นชาติแรกที่ค้นพบว่านอกจากจะมีประโยชน์กับพืชแล้ว สามารถผสมอาหารเพื่อเลี้ยงสัตว์ได้ด้วย"
แต่ก็ยังไม่จบที่ว่า เชื้อที่ก่อโรคสามารถพบได้ตามธรรมชาติทั่วไป เพราะในธรรมชาติ มีจุลินทรีย์หลายชนิดที่สร้าง pigment เม็ดสีในเซลล์ได้ เช่น ยีสต์ รา รวมถึงแบคทีเรีย ถึงจะไม่มีกระบวนการสังเคราะห์แสงแต่เซลล์ก็ยังแดงได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่หลายคนกลัว ว่าการใช้จุลินทรีย์ที่ไม่ได้ผ่านการทำอย่างถูกวิธี จะมีการปนเปื้อนของเชื้อที่ก่อโรคตั้งแต่คราวแรก แล้วก็อาจทำให้เกิดโทษมากกว่าได้ประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน
สรุป : แม้ว่าการทำหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงใช้เองแบบไม่ได้มาตรฐาน (เฉพาะในห้องแลปเท่านั้นที่จะไม่มีการปนเปื้อน) แต่ในความเป็นจริง ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ระดับการปนเปื้อนจากการผลิตหัวเชื้อ จะสร้างเชื้อก่อโรคจนทำให้เกิดอันตรายต่อเกษตรกรได้จริง เพราะถึงอย่างไร การทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ย่อมได้ประโยชน์มากกว่าโทษอย่างแน่นอน
ติดตามสาระความรู้และเนื้อหาข่าวทันเหตุการณ์ได้จากกระดานข่าวเราที่ ikssn.com/board/