โดยแลกกับต้องเข้ามาลงทุน 40 ล้าน รัฐไฟเขียวต่างชาติ 4 กลุ่ม ซื้อที่ดินในไทยได้ แลกลงทุน 40 ล้าน
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ได้รับรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ภายใต้ พ.ร.ก.ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท
ประกอบด้วย แผนการกู้เงิน ส่วนที่ 1 กู้ยืมในวงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยจะทยอยกู้ 2 ครั้ง ร่วมด้วยส่วนที่ 2 วงเงินกู้ส่วนที่เหลืออีก 120,000 ล้านบาท ทยอยกู้ 6 ครั้ง เพื่อจ่ายคืนเงินกู้ที่นำใช้อุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
นายอนุชากล่าวว่า สำหรับสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 16 ตุลาคม ติดลบ 125,690 ล้านบาท ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันยังมีวิกฤตด้านน้ำมันเชื้อเพลิงจากสงครามรัสเซียกับยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันโลกผันผวนและก็ส่งผลกระทบกับราคาสินค้าอุปโภครวมไปถึงบริโภค ขณะที่กองทุนน้ำมันฯยังมีความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพด้านพลังงาน
ปัจจุบันมีรายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่ ณ วันที่ 20 ตุลาคม มีรายจ่ายสุทธิ 222 ล้านบาทต่อวัน หรือ 6,882 ล้านบาทต่อเดือน
ต่างชาติลงทุนไทย 40 ล.ซื้อที่ได้ไม่เกิน 1 ไร่ ต่างชาติเฮ ซื้อที่ดินในไทยได้แล้ว
นายอนุชากล่าวว่า ครม.ยังได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและก็การลงทุนโดยการล่อตาล่อใจคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. … มีระยะเวลาบังคับใช้ 5 ปี นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีสาระสำคัญ จะมีการกำหนดกลุ่มคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ที่สามารถได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แก่
1.กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง
2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
4.กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ได้รับสิทธิไม่เกิน 1 ไร่ ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยมีจำนวนเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท รวมไปถึงต้องลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
นายอนุชากล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวนี้ สามารถทบทวนได้ทุก 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจแล้วก็สังคมไทยในขณะนั้น
เที่ยวด้วยกัน 5 จ่อเลิกช่วยตั๋วบิน
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แจ้งข้อมูลว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาภาคธุรกิจการท่องเที่ยวประกอบกับ ททท.เข้าหารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจบวกกับสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ซึ่งในส่วนของภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะเป็นโครงการพวกเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สศช. จึงต้องรอความชัดเจนอีกครั้งว่าจะให้ดำเนินการต่ออย่างไร
“รายละเอียดโครงการ อาทิ จำนวนสิทธิที่จะเพิ่มให้ สิทธิประโยชน์จะเป็นตามที่เคยได้หรือเพิ่มอะไรหรือไม่ รวมไปถึงจะใช้งบประมาณเท่าใด ทั้งหมดต้องรอความชัดเจนจาก สศช.ก่อน ททท.ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่างบประมาณกระตุ้นต่อหัวที่เป็นไปได้อยู่ที่ 3,600 บาทต่อคน นำมาจากอัตราการจ่ายเงินสนับสนุนสูงสุดให้ค่าห้องพักโรงแรมคนละไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้อง ร่วมด้วยคูปองใช้จ่ายมูลค่า 600 บาท ที่แถมมากับทุกการจองโรงแรม เบื้องต้นประเมินว่าโครงการรอบนี้จะไม่มีการช่วยสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว” น.ส.ฐาปนีย์กล่าว
เร่งใช้คนละครึ่งก่อนสิ้นสุดต.ค.
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการใช้สิทธิมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2 ว่า ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2565 เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 38.24 ล้านคน หมายรวมไปถึงมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 4.10 หมื่นล้านบาท สรุปผลการใช้จ่าย แบ่งเป็น
1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 13.15 ล้านคน หมายรวมไปถึงมียอดใช้จ่ายสะสม 5.11 พันล้านบาท
2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 1.07 ล้านคน ประกอบไปด้วยมียอดใช้จ่ายสะสม 384 ล้านบาท
3.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 24.02 ล้านคน รวมถึงมียอดใช้จ่ายรวม 3.5 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 1.81 หมื่นล้านบาท รวมทั้งเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 1.74 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับยอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารแล้วก็เครื่องดื่ม 1.48 หมื่นล้านบาท ร้านธงฟ้า 7.16 พันล้านบาท ร้านโอท็อป 1.6 พันล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 1.12 พันล้านบาท ร้านบริการ 572 ล้านบาท รวมทั้งกิจการขนส่งสาธารณะ 45.3 ล้านบาท
สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมแล้วจำนวน 9.69 แสนราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.31 หมื่นราย
เรียบเรียงใหม่จากเนื้อหาเรื่อง : ขายที่ดินกระบี่ เจ้าของขายเอง และอย่าพลาดเรื่องราวต่าง ๆ จากเรา ที่เดียว
บริการ Guest Post กับเรา บอร์ด iKSSN Vector ยันต์