Notifications
Clear all

ติดเชื้อโอไมครอน กับ เดลตา ไข้แบบไหนแรงกว่ากัน

1 Posts
1 Users
0 Reactions
309 Views
ikssn
Posts: 98
Admin
Topic starter
(@ikssn)
Reputable Member
Joined: 4 years ago

สำหรับในตอนนี้ ไม่มีอะไรน่ากังวลนอกจากเรื่องของการติดเชื้อโควิด-19 นั่นหมายความว่าก็คือเชื้อสายพันธ์ุ โอไมครอน ที่ถือว่าเป็นเชื้อกลายพันธุ์รูปแบบใหม่น่ากังวลรวมไปถึงถูกจับตาเป็นอย่างมาก สำหรับในประเทศไทย ก็ลุ้นกันว่าจะเข้ามาระบาดเมื่อไหร่จนหลายคนเป็นโรคประสาทกันแล้ว

สำหรับเนื้อเรื่องรวมไปถึงรายละเอียดนั้น วันนี้เราอยากจะมานำเสนอสำหรับคนอ่านไม่ให้ประสาทหลอนจนเกินไปนัก นั่นหมายความว่าจะมาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยว่า หากป่วยเป็นโควิดหรือติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่แล้ว ระหว่างอาการของโอไมครอน กับเดลตา เชื้อแบบไหนอันตรายอย่างไร รวมไปถึงทั้งสองชนิดนั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร อาการเชื้อแบบไหนรุนแรงกว่ากัน เพื่อไม่ให้หลายคนประสาทหลอนไปมากกว่านี้

เมื่อติดเชื้อ โอไมครอน อาการจะรุนแรงแค่ไหน

สำหรับอาการที่แสดงผลนี้ มาจากการสำรวจผู้ป่วยรวมไปถึงเนื้อเรื่องเกี่ยวเนื่องมาจาก Bloomberg รวมไปถึง CNET ที่แจ้งข้อมูลว่ามีอาการอย่างไรดังนี้

อาการของการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ โอไมครอน

อาการของสายพันธุ์โอไมครอนที่พบโดยทั่วไปในเวลานี้คือ ยังสามารถรับรสชาติรวมไปถึงได้กลิ่นเหมือนปกติ ไม่ค่อยมีอาการไข้ มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มีอาการปอดอักเสบร่วมด้วย รวมไปถึงสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

อาการของการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ เดลตา

สำหรับอาการของสายพันธุ์เดลตาจะมีบางส่วนที่คล้ายกับโอไมครอนคือ ไม่สูญเสียการรับรู้รสรวมไปถึงกลิ่น แต่มักจะมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ มีน้ำมูก รวมไปถึงเจ็บคอ อาการคล้ายโรคหวัดทั่วไป รวมไปถึงสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย

เมื่อลองเปรียบเทียบอาการทั้ง 2 สายพันธุ์แล้ว อาจจะเห็นว่าโอไมครอนมีอาการไม่รุนแรงเท่าเดลตา แต่ก็อย่าประมาทจนเกินไป เพราะเพิ่งอยู่ในช่วงค้นพบสายพันธุ์นี้ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น เรายังต้องเฝ้าสังเกตอาการกันอย่างใกล้ชิดต่อไปถึงจะรู้ว่าจะมีอาการอื่นๆ ที่รุนแรงร่วมด้วยหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีการแจ้งข้อมูลว่า กลุ่มคนที่พบว่าติดเชื้อโอไมครอนส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรวมไปถึงกลุ่มคนที่มีอายุน้อย นั่นหมายความว่ามีแนวโน้มว่าแสดงอาการเมื่อติดเชื้อโควิด-19 เพียงเล็กน้อย ดังนั้นถ้าเกิดหากมีการระบาดในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงวัย ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจส่งผลกระทบที่รุนแรงกว่าได้

ที่สำคัญ ไม่ว่าจะมีสายพันธุ์ใหม่เข้ามาหรือไม่ สิ่งที่เราควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดก็คือ ใส่หน้ากาก ล้างมือ / พ่นแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด รวมไปถึงฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครบโดส เพื่อป้องกันตนเองรวมไปถึงคนรอบข้างไม่ให้ติดเชื้อโควิดนั่นเอง

ทั้งนี้ โอไมครอน เป็นเชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เป็นสายพันธุ์ระดับที่น่ากังวล (Variants of Concern: VOC) มีรายงานว่าถูกพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ปัจจุบันมีการระบาดแล้วในประเทศแอฟริกาใต้, บอตสวานา, เบลเยียม, ฮ่องกง, อิสราเอล, ออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, แคนาดา (ข้อมูล ณ วันที่ 29 พ.ย. 2021)

รายงานล่าสุดสำหรับเนื้อเรื่องการติดเชื้อ ในวันที่ 3 ธ.ค. 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ได้เผยผลวิจัยจาก DSI-NRF Centre of Excellence in Epidemiological Modelling and Analysis ของแอฟริกาใต้ ที่พบว่าเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน ทำให้คนที่เคยป่วยเป็นโควิดแล้ว มีความเสี่ยงที่จะกลับมาติดเชื้อซ้ำได้ถึง 3 เท่า นั่นหมายความว่าจากการศึกษาข้อมูลของผู้ติดเชื้อ 2.8 ล้านรายในแอฟริกาใต้ ระหว่างเดือนมี.ค. 2563 จนถึงวันที่ 27 พ.ย. 2564 พบว่ามีถึง 35,670 ที่คาดว่าเป็นการกลับมาติดเชื้อซ้ำอีกครั้ง

ขณะที่เชื้อกลายพันธุ์อย่างสายพันธุ์เบตารวมไปถึงเดลตา พบว่าผู้ที่ป่วยด้วยเชื้อ 2 สายพันธุ์นี้มีอัตราการติดเชื้อซ้ำต่ำกว่าเชื้อดั้งเดิมอย่างสายพันธุ์อู่ฮั่นเสียอีก แต่สำหรับตัวล่าสุดอย่างโอไมครอน กลับมีอัตราการติดเชื้อซ้ำที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ย. แอฟริกาใต้มีผู้ติดเชื้อต่อวันอยู่ที่ราวๆ 300 ราย รวมไปถึงมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในวันพุธที่ผ่านมา มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 8,561 รายแล้ว

ก็อย่าเพิ่งคิดมากเกินไป อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม สามารถทำให้อาการป่วยลดความรุนแรงลงได้มาก คนอ่านท่านไหนยังไม่ฉีดวัคซีน ก็รีบไปฉีดกันนะ เพื่อป้องกันไว้ก่อน