ซึ่งก็จะถือได้ว่าหากว่าคลังจะหาทางขึ้นภาษีรถเครื่องยนต์สันดาป มีนโยบายออกมาแล้วว่าภายในปี 2569 เตรียมตัวเก็บเงินเพื่อชดเชยรายได้จากนโยบายหนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เพราะก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังได้ประเมินมาแล้ว ซึ่งก็จะถือได้ว่าได้แจ้งเนื้อหาให้กับ www.ikssn.com บวกกับได้ให้ข้อมูลว่า หากมีการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV ภายในปี 2565-2568 กันมากๆ เพื่อทดแทนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในตามเป้าหมายของบอร์ดอีวี จะส่งผลกระทบทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลดลงในช่วงปี 2565-2568 ตกลงไปปีละประมาณ 1,800 ล้านบาท (สรุปข้อดีเท่ากับว่าสิ่งแวดล้อมดี แต่รัฐขาดรายได้)
แต่อย่างไรก็ดี หากจะทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์กลับมาใกล้เคียงกับที่จัดเก็บได้ในปีงบประมาณ 2564 จำนวน 90,152 ล้านบาทนั้น จะต้องทยอยปรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
โดยโครงสร้างภาษีใหม่รถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จะต้องมีอัตราภาษีที่สูงขึ้น เพื่อให้ผู้ผลิตหันมาผลิตรถอีวีมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยให้มีรายได้ภาษีมาชดเชยส่วนที่หายไปจากการส่งเสริมการใช้รถอีวี โดยจะมีการปรับภาษีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพิ่มขึ้น
รัฐหนุนนโยบายหนุน EV ขึ้นภาษีรถยนต์ใช้น้ำมัน
บวกกับด้วยการปรับเกณฑ์เข้มเพื่อให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลดลง จากเดิมกำหนดขั้นต่ำปล่อย CO2 อยู่ที่ 150 กรัมต่อกิโลเมตร ก็อาจจะให้ลดการปล่อย CO2 เหลือ 100 หรือ 120 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งก็จะถือได้ว่าการปรับโครงสร้างภาษีจะทำให้มีรายได้สรรพสามิตรถยนต์เพิ่มขึ้น ทดแทนภาษีรถยนต์อีวีที่ต้องการส่งเสริม นี่เท่ากับว่าเนื้อหาจากแหล่งข่าวที่ได้เปิดเผยออกมา
โดยที่เห็นภาพชัดเจนในการปรับขึ้นอัตราภาษี เท่ากับว่าในส่วนของรถกระบะดัดแปลง (PPV) จากอัตราภาษีสรรพสามิตปัจจุบันอยู่ที่ 25% โดยมีเกณฑ์การปล่อย CO2 ไม่เกิน 200 กรัม/กิโลเมตร บวกกับอัตราภาษี 30% สำหรับรถพีพีวีที่มีการปล่อย CO2 มากกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร โดยอัตราภาษีใหม่จะอยู่ในช่วง 18-50% พร้อมกับเกณฑ์ที่จะต้องปล่อย CO2 ลดลงด้วย
เพิ่มพิกัดใหม่หนุน Fuel Cell
แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากการส่งเสริมการผลิตบวกกับการใช้รถยนต์อีวีที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แล้ว ทางกระทรวงการคลังยังได้เพิ่มพิกัดภาษีสำหรับรถยนต์ประหยัดพลังงานที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell) เข้ามาด้วย ซึ่งก็จะถือได้ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน
ซึ่งก็จะถือได้ว่าทั้งนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ โดย fuel cell นี้จะมีเทคโนโลยีที่ต้องลงทุนมากกว่ารถอีวีแบตเตอรี่ ดังนั้น อัตราภาษีก็จะกำหนดให้ต่ำกว่ารถอีวี โดยรถยนต์นั่งที่เป็น fuel cell กำหนดอัตราภาษีไว้ที่ 1% ส่วนรถอีวีจะอยู่ที่ 2% รอบวัน
ติดตามสาระความรู้และเนื้อหาทันเหตุการณ์ได้จาก กระดานข่าวสาร iKSSN Vector ยันต์