รู้ตัวเองดีแล้วว่าทุกวันนี้เป็น โรคเบื่องาน จริงๆ เพราะเหตุผลหลายอย่าง อย่างแรกคืองานเยอะเพราะต้องแบกรับภาระงานอีก 1-2 ตำแหน่ง โดยที่ตำแหน่งงานของตัวเองก็ยิ่งมีงานเข้ามาเยอะมากขึ้นทุกทีๆ แถมผู้ช่วยก็ไม่มี เงินค่าตำแหน่งก็ได้ไม่คุ้มกับการทำงาน ต้องทนแรงกดดันจากหลายฝ่าย ทั้งหัวหน้างานและเจ้านาย ซึ่งมีหลายคน แถมการบริหารงานในองค์กรผิดพลาดอย่างร้ายแรง เจ้านายแทนที่จะนั่งบริหาร กลับลงมือทำแข่งกับพนักงานขายแย่งลูกค้ากันอุตลุด สุดท้ายภาระทั้งหลายก็ตกมายังตัวผมเอง ที่ต้องรับงานต่อจากฝ่ายขายและเจ้านาย แน่ล่ะ
มันต้องทำงานให้เจ้านายก่อนเพราะเค้ามีอำนาจมากกว่า เป็นผลต้องมีปัญหากับฝ่ายขาย มีปัญหากับฝ่ายอื่น โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องเลยแต่ขัดไม่ได้ พอทำไม่ทันก็โดนเจ้านายด่า สุดจะทน
เค้าว่าถ้าท่านเคยมีอาการตื่นเช้ามาอย่างหมดแรง หมดอาลัยตายอยาก ไม่คิดอยากเดินทางไปทำงาน บ่นให้คนรอบข้างฟังเสมอว่า เบื่อ เซ็ง กับงานที่ทำอยู่ ทนทำงานให้หมดไปวัน ๆ และเฝ้ารอให้ถึงวันศุกร์เร็ว ๆ เพื่อวันเสาร์อาทิตย์จะได้เที่ยวพักผ่อน ทำงานอย่างเช้าชามเย็นชามไปวัน ๆ ไปทำงานสายเป็นประจำ แต่ตกเย็นมักจะรีบกลับบ้านก่อนเพื่อน หากส่อเค้ามีอาการดังกล่าว พึงระวัง! ท่านอาจกำลังป่วยเป็น “โรคเบื่องาน” เข้าให้แล้ว ผมคิดว่าผมเป็นโรคนี้แน่แล้วชัดๆ
ในขณะนั่งทำงานก็ยังคงสุดจะเซ็ง เมื่อไหร่ถึงจะหลุดพ้นจากปัญหาแบบนี้ได้ซักที ออกไปทำที่ใหม่ก็แข่งขันแย่งชิงกันกับคนอื่น ความสามารถมีแต่เงินเดือนก็ต้องมากขึ้นนิดนึง กลับมาตายด้วยอัตราเงินเดือนของพวกที่เพิ่งจะออกจากรั้วมหา’ลัยที่บอกว่าสามารถทำได้เท่าเทียมแต่ขอค่าแรงถูกกว่า แหม่เอ้ย เล่นตัดราคากันแบบนี้ใครจะสู้ไหว หนำซ้ำผู้ประกอบการบางคนก็อยากได้เด็กๆ ไฟแรง เรามันแก่แล้วอายุก็เกินโควต้าที่เค้าจะรับ แม้จะเก่งแต่เงินเดือนก็แพงกว่า รับเด็กๆ ได้ตั้งหลายคน แม้พวกเค้าจะทำงานไม่เป็นแต่หัดๆ ให้เค้าก็น่าจะทำได้ ความรู้สึกผมมันเป็นแบบนั้นจริงๆ
ผมเลยต้องนั่งเซ็งกับงานเดิมๆ ที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีโชคดี ใครเห็นค่าความสามารถและพอจะให้เงินเดือนแบบไม่เกี่ยงซักบาทได้มั่งนะ
การลาออกครั้งสุดท้าย หวังว่าในอนาคตมันจะถึงเวลาของผมบ้าง